Home » ผ่อนบ้านไม่ไหว เอาบ้านคืนธนาคาร แล้วถือว่าหมดหนี้เลยไหม?? (การตีทรัพย์ชำระหนี้) | อยาก ผ่อน บ้าน

ผ่อนบ้านไม่ไหว เอาบ้านคืนธนาคาร แล้วถือว่าหมดหนี้เลยไหม?? (การตีทรัพย์ชำระหนี้) | อยาก ผ่อน บ้าน

ผ่อนบ้านไม่ไหว เอาบ้านคืนธนาคาร แล้วถือว่าหมดหนี้เลยไหม?? (การตีทรัพย์ชำระหนี้)


นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

สำหรับคนที่มีปัญหา กู้เงินซื้อบ้านไม่ผ่าน ขอสินเชื่อกับ ธนาคารไม่ผ่าน แบงก์ ไม่อนุมัติ หรือ ท่านที่เคยมีปัญหาติดเครดิตบูโร และได้ปิดหนี้ไปแล้ว แต่ก็ยังยื่นขอสินเชื่อไม่ผ่าน
จากประสบการณ์กว่า 20 ปี ในตำแหน่ง วิเคราะห์สินเชื่อ จากสถาบันการเงินชั้นนำหลายๆ แห่ง ผมทำงานมาหลายแบงก์ครับ และสายสัมพันธ์ ทั้งเพื่อนร่วมงานเก่า และเจ้านายเก่าๆ ของผม ที่ผมมีคอนเนคชั่นกันอย่างลึกซึ้ง ผมยินดีที่จะแนะนำ ทริค และเทคนิค วิธีการต่างๆ ในการกู้เงินซื้อบ้าน วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน แบงก์ไหน ธนาคารไหน ปล่อยง่าย เทคนิควิธีการเดินบัญชี ทำยังไงให้กู้บ้านผ่าน เทคนิคการซื้อบ้านแล้วมีเงินเหลือ เทคนิคการดันราคาประเมินบ้าน ต่างๆ เหล่านี้ ผมพร้อมที่จะสอนและแนะนำ จาก ความรู้ และประสบการณ์กว่า 20 ปี ของผม
อะไรบ้างที่คุณจะได้จากผม
1. เทคนิค และวิธีการการเตรียมเอกสาร
2. เทคนิค และวิธีการเจรจา และนำเสนอข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคาร อันนี้สำคัญมากนะครับ
3. และในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่าง ขั้นตอนการยื่นเรื่อง ติดต่อประสานงานกันได้ตลอดเวลาครับ
ให้ท่านติดต่อ เข้ามาที่ LineID : @antonio ( ใส่เครื่องหมาย @ ด้วยนะครับ ) เพื่อนัดหมาย เวลาและสถานที่ ในการให้คำแนะนำด้านการเตรียมเอกสารและเทคนิควิธีการยื่นกู้ ขอสินเชื่อบ้าน โดยคิดอัตราค่าบริการ ให้คำปรึกษา 2,000 บาท ไม่มีกำหนดเวลาสอบถามได้ ตลอดเวลา หลังจากสอนกันครั้งแรกแล้วครับ
สถานที่นัดหมาย
The Wisdom Lounge ของ KBank ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด
1. Kbank สาขา เซ็นทรัลบางนา
2. Kbank สาขา ซีคอนสแควร์
3. Kbank สาขา พาราไดซ์ พาร์ค
หรือที่ร้าน Starbucks
1. ร้าน สตาร์บัค สาขา สมิติเวช ศรีนครินทร์
2. ร้าน สตาร์บัค สาขา ซีคอนสแควร์
3. ร้าน สตาร์บัค สาขา พาราไดซ์ พาร์ค
4. ร้าน สตาร์บัค สาขา ธัญญา พาร์ค
5. ร้าน สตาร์บัค สาขา พาราไดซ์ พาร์ค
6. ร้าน สตาร์บัค สาขา เดอะมอลล์ บางกะปิ
7. ร้าน สตาร์บัค สาขา เดอะ นายน์ พระรามเก้า
8. ร้าน สตาร์บัค สาขา เซ็นทรัล บางนา
หรือ อีกหนึ่งรูปแบบ เพียงแค่ท่าน ชำระเงิน จำนวน 1,000 บาท มาที่
SCB ธนาคาร ไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 407 0 55631 0
KBank ธนาคาร กสิกรไทย เลขที่บัญชี 766 2 21897 3
ชื่อบัญชี Yuttana Kosakul
แล้ว ส่งข้อความมาที่ Line ID : @antonio ( ใส่เครื่องหมาย @ ด้วยนะครับ ) แล้วนัดเวลาที่คุณสะดวก เพื่อโทรคุยกันอีกทีครับ
ผมเป็นเจ้าของ เวปไซต์ http://antonioattorney.blogspot.com และ
เวปไซต์ http://antonioattorney.com และเพจนี้ https://www.facebook.com/CloseDealRealty ครับ
ลองดูโปรไฟล์ต่างๆ ของผม เพื่อการตัดสินใจของคุณครับ ผมรอคุณอยู่ครับ เพื่อที่จะได้แนะนำ เทคนิค วิธีการต่างๆ ให้คุณได้สำเร็จ และสมหวัง ในการที่ จะยื่นกู้ซื้อบ้านให้ผ่าน สมหวัง ตามความฝันของทุกๆ คนที่อยากจะมีบ้านกันนะครับ

ผ่อนบ้านไม่ไหว เอาบ้านคืนธนาคาร แล้วถือว่าหมดหนี้เลยไหม??  (การตีทรัพย์ชำระหนี้)

เทคนิคผ่อนบ้าน ให้หนี้หมดเร็วขึ้น 10 ปี ประหยัดดอกเบี้ยเป็นล้าน!!


เทคนิคผ่อนบ้าน ให้หนี้หมดเร็วขึ้น 10 ปี ประหยัดดอกเบี้ยเป็นล้าน!!
หนี้บ้านสำหรับหลายๆคนแล้วถือว่าเป็นหนี้ก้อนที่ใหญ่ที่สุดและระยะเวลาการผ่อนชำระยาวนานที่สุดเลยก็ว่าได้นะครับ เพราะระยะเวลาที่ธนาคารเขาให้เราผ่อนบ้านเนี่ยเริ่มตั้งแต่ 20 ไปจนถึง 40 ปีเลยก็มีครับ ซึ่งเอาเข้าจิงๆถ้าเราผ่อนไปเรื่อยๆตามที่ธนาคารเขาบอกนี่คือทำงานจนเกษียนเลยนะครับกว่าหนี้ของเราจะหมด
แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือไม่ใช่แค่เรื่องระยะที่นานหรอกนะครับ การผ่อนบ้านให้จำไว้เลยนะครับว่ายิ่งเราผ่อนนานเท่าไร เรายิ่งเสียดอกเบี้ยมากขึ้นเท่านั้น เพราะอะไรหรอครับเพราะว่าการคิดดอกเบี้ยบ้านเนี่ยเขาจะคิดแบบ ลดต้นลดดอกครับ อธิบายง่ายๆว่าดอกเบี้ยจะคิดตามเงินต้นครับ ผมได้ทำคลิปอธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างระเอียดแล้วลองเข้าไปดูคลิปในช่องได้นะครับ

ดังนั้นไอการที่เราผ่อนบ้านเป็นเวลา 30 40 ปีเนี่ยนอกจากมันจะเป็นภาระระยะยาวมากๆแล้วเรายังต้องจ่ายดอกเบี้ยอีกเยอะมากๆด้วยครับเดี๋ยวจะหาว่าผมเว่อร์จนเกินไป ผมจะคำนวนออกมาให้ดูกันเลยดีกว่าครับ
สมมุติว่าผมซื้อคอนโดราคา 3 ล้านบาท ผมผ่อน 30 ปี โดยผมกำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยทั้งสัญญาอยู่ที่ 7% เหมือนที่ผมบอกทุกครั้งนะครับว่าที่ผมใช้ 7% เพราะเอาเอาเฉลี่ยทั้งสัญญาและปัดขึ้นนิดนึงเป็นค่าเผื่อเหลือความปลอดภัยเวลาคำนวน ดังนั้นถ้าเราเอาข้อมูลเหล่านี้เข้าไปคิดคำนวนในโปรกแกรม EZ Financial Calculator เราจะได้ออกมาว่า
เราจะต้องผ่อนธนาคารเดือนละ 19,959 บาท/เดือน
ถ้าผ่อนครบ 30 ปี เราจะต้องจ่ายค่างวดทั้งหมด = 7,184,265 บาท
ทุกคนไม่ได้ฟังผิดไปหรอกนะครับ กู้มาสามล้าน จ่ายจริง 7 ล้าน
นั่นหมายความว่าดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญานี่คือ 4 ล้านกว่าบาทเลยครับ
วิธีแรกครับคือการโปะหรือการผ่อนชำระเพิ่มจากที่ผ่อนอยู่
จริงๆวิธีนี้มีหลายท่านทำกันแล้วแต่ยังมีอีกหลายๆคนที่ยังไม่รู้นะครับว่าสามารถโปะเพิ่มได้ ฉันอยากให้ทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าเงินที่เราผ่อนเพิ่มเข้าไปเนี่ยมันจะไปตัดแต่ในส่วนเงินต้นทั้งนั้นเลยครับยกตัวอย่าง
เช่นปกติแล้วผ่อนชำระค่าบ้านอยู่เดือนละ 10,000 บาทถ้าเราผ่อนเพิ่มเข้าไปอีกสักเดือนละ 1,000 บาท 1000 ที่เราใส่เพิ่มเข้าไปนี่แหละครับมันจะไปตัดเป็นส่วนของเงินต้นทั้งนั้นเลยดังนั้นการผ่อนเพิ่มต่อเดือนจึงช่วยให้นี่เราหมดเร็วขึ้นอย่างมากนะครับที่สำคัญจะช่วยประหยัดดอกเบี้ยด้วยเพราะเมื่อเงินต้นโดนตัดออกดอกเบี้ยที่เราจะต้องจ่ายก็ลดเป็นสัดส่วนตามไปด้วยครับ

วิธีแรกเห็นว่าหมดเร็วแล้วใช่ไหมครับมาแต่มันยังมีอีกวิธีที่ควรทำร่วมกัด้วยระหว่างที่เราโปะครับนั่นคือการรีไฟแนนซ์ทุกๆ 3 ปีครับ
รีไฟแนนซ์คือการขอสินเชื่อก้อนใหม่จากธนาคารครับ อาจจะเป็นธนาคารเดิมที่เรากู้อยู่หรือไปยื่นขอธนาคารใหม่ก็ได้ครับ นั่นหมายความว่าเราจะเปลี่ยนหนี้เดิมทั้งก้อน กลายมาเป็นหนี้ก้อนใหม่เลยครับ พูดง่ายๆว่าขอกู้ใหม่อีกรอบ แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือ การรีไฟแนนซ์เราสามารถกำหนดแผนการในการผ่อนชำระได้หลากหลายมากขึ้นด้วยครับยกตัวอย่างเช่น

กรณีที่1 เราอยากผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้น
เราอาจเลือกระยะเวลาผ่อนชำระให้สั้นลง ส่งเงินต่องวดให้มากขึ้น
จากของเดิมเราผ่อน ยอดสินเชื่อคงเหลือ 3,000,000 บาท ระยะเวลา 30 ปี ผ่อนต่อเดือน 19,000 ถ้าเราอยากผ่อนให้หมดเร็วขึ้นเราอาจเลือกการ Refinace เป็น
ยอดสินเชื่อ 3,000,000 บาท ระยะเวลา 20 ปี ผ่อนต่อเดือน 15,000 บาทต่อเดือน

กรณีที่ 2 เราอยากให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลง
จากยอดหนี้เดิมที่เราผ่อนธนาคารมาแล้ว 3 ปี ผมสมมุติว่า ถ้ายอดสินเชื่อเดิมเราคือ 3 ล้าน เราผ่อนมา 3 ปี เงินต้นอาจจะคงเหลือประมาณ 2.8 ล้านบาท และยอดเดิมเราผ่อนธนาคารอยู่ที่เดือนละ 19,000 บาท

ดังนั้นถ้าสรุปคร่าวๆจากทั้ง 2 วิธีที่ผมได้ยกมาให้ดูดีนะครับว่าในแต่ละเดือนที่เราผ่อนธนาคารเราควรจะผ่อนเพิ่มจากที่เราผ่อนอยู่ทุกเดือนครับเพราะมันจะช่วยตัดเงินต้นไปได้เยอะเมื่อเทียบกับเงินต้นไปได้เยอะนี่ก็จะหมดเร็วขึ้นดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายมันก็ลดลงด้วยเพราะเราผ่อนชำระครบ 3 ปีเราก็วางแผนที่จะ รีไฟแนนซ์ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เหลือลดอัตราดอกเบี้ยอะไรก็ว่ากันไปนะครับซึ่งผมเชื่อว่าการทำแบบนี้จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยให้เราได้เป็นเงินมหาศาลนะครับและทำให้นี่ของเราหมดเร็วขึ้นด้วยนะครับ

ดังนั้นสรถุปกันอีกทีนะครับ ถ้าเพื่อนๆฟังมาถึงตรงจุดนี้และกำลังผ่อนบ้านกันอยู่หรือกำลังวางแผนจะซื้อบ้าน สิ่งที่ผมอยากให้ทุกๆคนทำคือ วางแผนโปะเพิ่มต่อเดือนครับ จะมากจะน้อยไม่ว่ากันแต่อยากให้โปะนะครับ และช่วงไหนมีเงินพิเศษมีโบนัสอะไรก็แบ่งบางส่วนมาโปะได้ยิ่งดีครับ และเมื่อครบสามปีทุกๆสามปีก็ให้วางแผนที่จะรีไฟแนนซ์หรือรีเทนชั่นเพื่อปรับอัตราดอกเบี้ยลงมาให้มันถูกลงอีกนะครับ หมั่นทำแบบนี้ผมรับประกันเลยนะครับเผลอบางคนถ้าวินัยดีๆ สามารถโปะได้เยอะๆเนี่ย 10 ปีหนี้บ้านหมดก็มีเยอะแยะไปครับ เราจะได้เก็บเงินไว้สำหรับต่อยอดอนาคตหรือไว้ซื้อความสุขอะไรก็ว่ากันไปนะครับ

ผ่อนบ้าน เทคนิคผ่อนบ้าน ซื้อบ้าน ดอกเบี้ยบ้าน

เทคนิคผ่อนบ้าน ให้หนี้หมดเร็วขึ้น 10 ปี ประหยัดดอกเบี้ยเป็นล้าน!!

กู้บ้าน ยังไงให้ผ่าน 100% เคล็ดลับการขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารที่ควรต้องรู้ !


เตรียมความพร้อมก่อนกู้บ้าน เตรียมความพร้อมยังไงให้กู้บ้านผ่านแบบ 100%

โดยส่วนมากแล้วเวลาที่เราจะซื้อบ้านนะครับเราก็จะกู้สินเชื่อของธนาคารถูกต้องไหมครับเพราะโดยน้อยกว่าจริงๆนะที่จะมีเงินสดเพียงพอที่จะไปซื้อบ้านด้วยเงินของตัวเองดังนั้นแล้วเนี่ย ธนาคารเนี่ยเขาก็จะมีหลักการคิดหลักการพิจารณาอะไรบางอย่างครับเพื่อที่จะพิจารณาว่าเขาจะปล่อยเงินให้เราพูดหรือเปล่า ซึ่งหลายคนเนี่ยก็คงเคยได้ยินเรื่องราวกันบ้างนะครับว่าบ้านธนาคารปล่อยยากบางธนาคารเงื่อนไขเยอะหรือแม้กระทั่งว่าบางธนาคารไม่รับเลยก็มี ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันว่าก่อนที่คุณจะไปยื่นขอสินเชื่อนะเนี่ยคุณควรจะวางแผนยังไงคุณจะเตรียมตัวยังไงให้พร้อมในการขอสินเชื่อเวลาไปขอแล้วเนี่ยมันจะได้มีโอกาสผ่านมากยิ่งขึ้นครับ
ก่อนที่เราจะไปคุยกันต่อในหัวข้อถัดไปนะครับสำหรับใครที่พึ่งมาฟังคลิปนี้นะฮะและเป็นคนที่กำลังวางแผนซื้อบ้านหลังแรก ยังงงๆอยู่ว่าไม่รู้จะปรึกษาใครไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดีผมขอแนะนำนะครับว่าผมเนี่ยได้ทำคลิปวีดีโอในซีรีย์ How to ซื้อบ้านหลังแรก ไว้ในช่อง YouTube Channel นี้ สามารถกด
https://youtu.be/Y7mZrneMMcs
1.เช็ครายได้ ตรวจสอบความสามารถในการผ่อนชำระ
ที่นี้มาเริ่มกันเลยครับก่อนอื่นที่เราจะไปกู้สินเชื่อบ้านหรือเราจะไปซื้อบ้านสักหลังนึงเนี่ยสิ่งแรกที่เราควรจะประเมินเลยนะครับคือความสามารถในการผ่อนชำระบ้านหลังนั้นของเราเนี่ยมีเท่าไหร่ครับ ซึ่งเป็นภาษาบ้านก็คือรายได้ประมาณนี้จะสามารถซื้อบ้านซื้อคอนโดได้ประมาณกี่ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ผมเคยได้ทำคลิปอธิบายไปแล้วนะครับว่าธนาคารเขามีเกณฑ์คิดหลักการพิจารณายังไงว่าคนที่มีรายได้เท่านี้มีหนี้สินเท่านี้เนี่ยจะสามารถกู้ซื้อบ้านกู้ซื้อคอนโดได้เท่าไหร่ แต่ผมให้หลักเกณฑ์ง่ายไปอย่างนี้เลยละกันนะครับว่า ธนาคารนะครับเขาจะยอมให้เรามีหนี้ได้ไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมของเราครับยกตัวอย่างว่าถ้าเรามีรายได้ 100 บาท เราจะมีหนี้ได้ไม่เกิน 40 บาทครับอันนี้เป็นเกณฑ์มาตรฐานขั้นต้นเลยนะ ซึ่งตรงนี้ใครอยากดูคลิปแบบเต็มนะครับสามารถกดด้านล่างเพื่อเข้าไปดูคลิปได้เลยนะ
เงินเดือนเท่านี้ กู้ซื้อบ้านได้กี่ล้านบาท ? | ธนาคารเขาคิดยังไง | ค่า DSR คืออะไร ?
https://youtu.be/zy8fPMlQxlU

2. เช็คภาระหนี้สิน ตรวจสอบเครดิตทางการเงิน
ทีนี้พอเราประเมินแล้วใช่ไหมครับว่ารายได้เราเท่านี้เราจะกู้ซื้อบ้านซื้อคอนโดได้ประมาณเท่านี้บาทสิ่งที่ 2 ที่เราควรจะเตรียมตัวครับคือเตรียม เครดิตทางการเงินของเราไว้ให้ดี ซึ้งในคำว่าเตรียมความพร้อมเรื่องเครดิตทางการเงินก็คือไม่ไปสร้างหนี้อื่นๆไว้ครับไม่ว่าจะเป็นหนี้รถยนต์ หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งหมดเหล่านี้ครับล้วน เป็นหนี้ในระบบที่เขาจะเอามาคิดรวมกันเป็นภาระหนี้ของเราทั้งนั้นดังนั้นกลับไปข้อแรกที่ผมได้บอกไปครับว่าถ้าสัดส่วนภาระหนี้กับรายได้ของเราเนี่ยเกิน 40% มีโอกาสสูงมากครับที่ธนาคารเขาจะไม่อนุมัติเงินกู้ให้กับเราครับดังนั้นสำหรับคนที่กำลังวางแผนจะกู้ซื้อบ้านสิ่งที่ควรทำคือคุณควรจะเคลียร์หนี้เก่าๆที่คุณมีไว้นะครับลองประเมินดูว่า อะไรตัดได้อะไรปิดได้ให้ปิดให้ตัดออกไปก่อนนะครับ
รวมถึงอีกสิ่งที่ควรทำนะครับคือไปเช็คเครดิตบูโรไว้เบื้องต้นก่อนเลยก็ได้นะครับว่าเรามีเครดิตบูโรติดอะไรอยู่หรือเปล่าประวัติทางการเงินอะไรเสียหรือเปล่านะครับ
แต่ไฮไลท์สำคัญนะครับ ที่อยากจะบอกทุกคนเอาไว้ก็คือถ้าใครที่กำลังวางแผนจะซื้อบ้านคุณควรบริหารจัดการหนี้สินของคุณให้ดีนะครับภาระหนี้สินตัวก่อนที่เคยมีคนจะปิดทิ้งหรือควรจะให้มันอยู่ในสัดส่วนที่สามารถจัดการได้นะครับก่อนที่จะไปวางแผนกู้ซื้อบ้านหลังใหม่หรือบ้านหลังแรกก็ตามนะครับ

3.เตรียมความพร้อมเรื่องเอกสาร
การยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารครับเราก็จะต้องไปยื่นเอกสารต่างๆให้กับทางธนาคารโดยประเภทของเอกสารครับท่านแบ่งออกมาเป็นหลักๆแล้วจะแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ
4. รักษาวินัยทางการเงิน
จริงๆแล้วข้อ 4 เนี่ยครับเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเลยนะครับสำหรับคนที่กำลังวางแผนจะกู้ซื้อบ้านการรักษาวินัยทางการเงินเนี่ยเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้เรากู้ซื้อบ้านแล้วผ่านแบบสบายๆ รวมไปถึงว่าถึงผ่านแล้วเราก็จะสามารถผ่อนได้แบบไม่ต้องกังวลและไม่มีปัญหาอะไรด้วยครับ ซึ่งมีคำคำหนึ่งเพื่อนๆเคยได้ยินกันไหมครับว่าธนาคารไม่เคยขอดูเกรดเฉลี่ยของคุณนะครับสิ่งเดียวที่ธนาคารอยากรู้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเขาจะปล่อยเงินกู้ให้คุณได้หรือไม่นั่นก็คือเขาอยากดูสมุดพกทางการเงินของคุณครับซึ่งสมุดพกทางการเงินของเราเนี่ยมันก็คือตัวเครดิตของเรานี่แหละครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาระหนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินสดที่เราฝากไว้กับธนาคารหรือทรัพย์สินที่เรามีอยู่นี่ล่ะครับเป็นปัจจัยที่ธนาคารเขาอยากรู้ว่าเรามีวินัยทางการเงินดีแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าคนที่มีวินัยทางการเงินดีมีเงินเก็บอยู่ตลอดเนี่ยมีโอกาสที่จะกู้สินเชื่อผ่านมากกว่าคนที่ไม่มีวินัยทางการเงินอยู่แล้ว

กู้บ้าน สินเชื่อบ้าน เตรียมกู้บ้าน กู้ซื้อบ้าน บ้าน

กู้บ้าน ยังไงให้ผ่าน 100% เคล็ดลับการขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารที่ควรต้องรู้ !

เป็นพนักงานประจำอายุ 23 : ซื้อบ้านด้วยเงิน 0 บาท ทำได้ยังไง?


สวัสดีครับผม kaitana วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การ ซื้อบ้าน ที่พนักงานประจำ สามารถทำตามได้ แต่ก็ขอให้ระวังการเป็นหนี้กันด้วยนะครับ
ถ้าจะให้สรุปหลักการง่ายนะครับในการกู้บ้านเงินเหลือของผมก็มีดังนี้
1.เป็นพนักงานประจำอายุงานอย่างน้อย 1 ปี
2.เครดิตต้องดี
3.ปิดหนี้ให้หมด
4.ราคาบ้านถูกกว่าราคาประเมิน
5.เลือกธนาคารที่ผ่อนนานๆเพื่อวงเงินที่สูง
6.ทำโอทีด้วยเพื่อเพิ่มรายได้

สาระ แรงบันดาลใจ กู้เงิน
อย่าลืมไปกดตามไอจีกับเพจกันด้วยนาาาา
Instagram : kainvss
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/Momontayst/
ติดต่อ : [email protected]

เป็นพนักงานประจำอายุ 23 : ซื้อบ้านด้วยเงิน 0 บาท ทำได้ยังไง?

อยากผ่อนบ้าน เดือนล่ะ 6,000 ควรซื้อบ้านราคาเท่าไหร่


อยากผ่อนบ้าน เดือนล่ะ 6,000 ควรซื้อบ้านราคาเท่าไหร่

นอกจากการดูหัวข้อนี้แล้ว คุณยังสามารถเข้าถึงบทวิจารณ์ดีๆ อื่นๆ อีกมากมายได้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่wes-and-vps/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *